Saturday, July 12, 2014

การเลือกซื้อจักรยานพับ

ทำไมต้องจักรยานพับด้วยนะ?

สาเหตุของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนเมืองเลือกที่จะใช้จักรยานพับ เท่าที่ศึกษาข้อมูลมาพบว่าส่วนใหญ่ซื้อเพราะว่า

  • การเดินทางที่สะดวก เพราะพับได้ไม่เกะกะ
  • พื้นที่เก็บจักรยาน เพราะขนาดเล็ก แม้ไม่พับก็ยังมีขนาดที่เก็บในบ้านได้สะดวก
  • จักรยานประเภทนี้ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด จะเป็นจักรยานแบบไซด์เดียว คือขี่ได้ทั้งคนตัวสูงและคนตัวไม่สูงนัก ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก ขี่ได้หมด

สิ่งที่ทำให้จักรยานพับนั้นแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจาก รถจักรยานประเภทอื่นๆ ก็คือ

  • ลักษณะเฟรม ที่ค่อนข้างหนา มีจุดพับตั้งแต่หนึ่งจุดขึ้นไป 
  • ขนาดของล้อที่เป็นล้อขนาดเล็กที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 14 นิ้วจนถึง 24 นิ้ว แต่บ้านเราส่วนใหญ่จะเลือกเล่นในขนาด 16 นิ้ว กับ 20 เป็นหลัก


ถ้าจะซื้อจักรยานพับจะเริ่มยังไงดีหละทีนี้?

  • ระยะเวลาการพับ พับง่าย ถ้าหากเอาแบบเร็วอย่างยี่ห้อบรอมตั้น หรือ Bike Friday Tikit แต่ก็ราคาเอาเรื่องเหมือนกัน หรือเลือกรุ่นที่มันพับง่ายๆ และอกาสพับบ่อยแค่ไหน ซึ่งอยู่ที่พฤติกรรมการใช้งานแต่ละบุคคล
  • ขนาดของรถหลังจากพับ นอกจากความยากง่ายในการพับแล้ว เวลาพับเสร็จมีขนาดเหมาะอย่างที่เราต้องการไหม หากชอบเล็กๆ ก็คงต้องหันมามองล้อ 16 นิ้ว แต่คิดว่าขนาดเอาพอเหมาะแต่ขี่ได้ไกลๆสบายๆล้อ 20 นิ้วก็น่าจะเหมาะกว่า
  • น้ำหนักตัวรถ ด้วยการออกแบบที่จะต้องมีจุดหมุนเยอะ และแต่ละจุดต้องแข็งแรงเลยเป็นไปได้ยากที่จะให้มันเบา แต่ถ้าจะเอาให้เบาก็แลกด้วยราคาที่หนักสวนกระแสความเบา
  • เฟรม รถพับส่วนใหญ่เป็นเฟรมแบบอลูมิเนียม เนื่องจากความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา ส่วนเฟรมแบบโครโมลี่ ราคาขายต่อไม่ค่อยร่วง เช่น Dahon ที่เป็นเฟรมโครโมลี่ การเลือกซื้อก็ลองพิจารณาดูความแข็งแรงของจุดพับต่างๆ ถ้าพับบ่อยๆ แล้วหลวมง่าย เวลาขี่รถจะมีเสียงอ๊อดแอ๊ด น่ารำคาญและรถก็ขี่แบบคลอนๆ ทั้งคัน
  • จุดปรับขนาดและระดับต่างๆ เนื่องจากรถประเภทนี้มันไม่มีไซด์ หากต้องใช้ขี่ร่วมกันหลายๆ คนในบ้าน ก็เลือกรุ่นที่มันปรับได้หลายๆ จุดก็ดี ปรับความสูงเบาะ ปรับระยะแฮนด์ขึ้นลงได้ ปรับมุมองศาแฮนด์ และระยะต่างๆ ที่จำเป็น เวลาขี่จะได้สบายมากขึ้นไม่ต้องเอื้อม หรือก้มมาก
  • ส่วนประกอบของรถ หากรถที่ใช้อุปกรณ์ในเกรดที่สูง น้ำหนักตัวรถก็จะเบาตามไปด้วยเช่น ส่วนประกอบที่เป็นคาร์บอน หรืออลูมิเนียม และแน่นอนว่าราคาของรถก็จะแพงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน อีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้มองกันก็คือการใช้กับอุปกรณ์มาตราฐานทั่วไปได้ สิ่งนี้หลายคนมองข้ามไปคิดว่ารถซื้อมาแล้วให้มาครบไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่มแล้วให้มาอย่างไรก็ใช้ไปอย่างนั้น มันก็ถูกเพียงครึ่งเดียวนะครับ รถพับหลายยี่ห้อเลือกใช้อุปกรณ์ในรถบางอย่างที่ทำขึ้นเฉพาะไม่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์จักรยานทั่วไปได้ เวลาจะเปลี่ยนใหม่ หรือแต่งให้มันเท่ห์เพิ่มขึ้น อาจจะต้องใช้อุปกรณ์ของค่ายเท่านั้น ซึ่งก็เหมือนโดนล๊อคคอ ต้องจ่ายไปแบบไม่มีทางเลือก
  • ขนาดล้อ และยาง ขนาดล้อที่มีขนาด 20 นิ้ว เป็นขนาดพิมพ์นิยม ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป แต่ก็มีบางยี่ห้ออย่าง บรอมตั้น หรือ โมลตั้น ที่เลือกใช้ล้อในขนาดที่เล็กลงกว่า 20 นิ้ว เพื่อความกระทัดรัดในการพับ และในขนาดล้อ 20 นิ้วยังแบ่งออกเป็นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 406 กับ 451
  • 406 หมายถึงเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อที่มีขนาด 406mm หรือ 40.6cm.
  • 451 หมายถึงเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อที่มีขนาด 451mm หรือ 45.1cm 
  • ส่วนยางที่ใช้ก็จะแตกต่างกันด้วย ล้อ 406 จะใช้ยางเป็นจุดทศนิยม เช่น 20" 1.25 20" 1.50 20” 1.75
  • ส่วนยาง สำหรับล้อ 451 คือขนาดยางเป็นเศษส่วน เช่น20"1 1/8 20"1 3/8
  • แฮนด์ กับ เกียร์ รถพับในตลาดส่วนใหญ่ในเวลานี้จะเป็นรถพับแฮนด์ตรงกันเป็นส่วนใหญ่ เพื่อความสะดวกในการพับมากกว่าแฮนด์เสือหมอบ และการขับขี่ก็สบายมากกว่า เพราะจุดประสงค์รถพับออกแบบมาให้ขี่กันแบบสบายๆ มากกว่าจะเอาประสิทธิภาพด้านความเร็ว  ส่วนเรื่องของเกียร์นั้น รถพับส่วนใหญ่มี สปีดกันไม่มาก อยู่ในช่วง 8 สปีด กับ 16 สปีดกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะเพียงแค่นี้ก็ใช้งานกันเพียงพอแล้ว และในส่วนของชิฟเตอร์ หรือระบบการเปลี่ยนเกียร์ก็มักจะใช้ในรูปแบบเดียวกับพวกเสือภูเขา หรือไม่ก็มือบิดกันเป็นส่วนใหญ่
  • สำหรับใครอยากได้รถพับขี่สนุกๆผมว่ามองหาแฮนด์ตรงน่าจะเหมาะกว่า ด้วยสาเหตุในเรื่องท่านั่งที่สบายกว่าไม่ต้องก้มและเอื้อมมาก

รถพับในประเทศไทย

  • Dahon เจ้าพ่อในวงการรถพับ ด้วยประสบการณ์การสร้างรถพับมากว่า 30 ปี โดย Dr. David T Hon เป็นรถพับที่คนไทยรู้จักดี แม้ว่าเมื่อช่วงไม่กี่ปีที่แล้ว Dahon จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อเป็น Dr.Hon สักพักใหญ่ด้วยปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ชื่อ แต่ในที่สุด Dahon ก็กลับมาขายอีกครั้ง รถยี่ห้อนี้คุณภาพกับราคาหลายคนยอมรับว่าเป็นที่พึงพอใจ มีรถให้เลือกหลายรุ่น หลายราคา เป็นรถพับที่ถือว่าเป็นมาตราฐานสำหรับใครที่จะคิดเริ่มต้น หากเทียบกับรถยนต์ผมมองว่ามันคือ Toyota นั่นเอง
  • Tern เป็นแบรนด์ใหม่ในประสบการณ์เก่าของลูกชาย Dr.David Hon เป็นแบรนด์ที่มีมาไม่นานเท่าไร แต่หน้าตารถและโครงสร้างลักษณะเหมือน Dahon มาก เพราะสายเลือดเดียวกัน แต่เท่าที่สังเกตดู Tern จะเน้นคุณภาพการออกแบบและการผลิตที่สูงกว่า Dahon โดยเฉพาะจุดพับจะแข็งแรงกว่า อะไหล่จะเลือกใช้เกรดดูดีกว่า แต่รุ่นของรถจะไม่ค่อยมากเท่ากับ Dahon ดูแล้วเหมือนเป็นรถพับตลาดที่เหนือกว่า Dahon หน่อยในราคาที่แพงขึ้น เมื่อให้ Dahon เป็น Toyota แล้วขอยกให้ Tern เป็น Lexus ก็แล้วกันแม้ความจริงแล้ว Dahon กับ Tern คุณภาพหนีกันไม่เยอะก็ตาม
  • Java แบรนด์ อิตาลี ผลิตในเอเซีย ถือว่าประสบความสำเร็จในบ้านเรามากทีเดียว สังเกตจากการออกงานจักรยานที่เมืองทองที่ผ่านมา บูธของ Java มีคนให้ความสนใจมากทีเดียว Java ไม่ได้ผลิตแต่รถพับแต่มีรถทุกประเภท สำหรับตลาดรถพับของ Java หลายคนให้ความนิยมมาก ด้วยเหตุผลเรื่องของการออกแบบที่ดู ซิ่ง ปราดเปรียว อุปกรณ์ที่ให้ค่อนข้างคุ้ม เบรคที่ใช้เป็น ดิสก์เบรค เป็นส่วนใหญ่ ตัวเฟรมออกแบบมาแบบไม่จำกัดอุปกรณ์ ใช้อุปกรณ์ร่วมได้สารพัด เช่นเบรค ได้หลากหลายรูปแบบ ลักษณะการพับจะคล้ายๆกับพวก Dahon แต่รถของ Java ราคาจะค่อนข้างถูกกว่ามาก เมื่อเทียบกันตัวต่อตัว จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Java ขึ้นมายืนในตลาดบ้านเราค่อนข้างเร็ว
  • Brompton ผมขอจัดอยู่ในรถพับเกรด พรีเมี่ยม ก็แล้วกันโดยมันต่างกันตั้งแต่แหล่งผลิตแล้ว Brompton เป็นรถพับที่ผลิตในประเทศอังกฤษแท้ๆ การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และใช้เวลาพับค่อนข้างเร็วมาก และเมื่อพับเสร็จก็มีขนาดที่ค่อนข้างเล็กมาก จนมีคนบอกว่าถ้าขี่บรอมตั้นไปเที่ยวสามคน ขากลับพับรถขึ้น Taxi ยังกลับมาพร้อมกันในรถ Taxi คันเดียวกันได้ จุดเด่นของยี่ห้อนี้นอกจากเรื่อง คุณภาพและการพับที่เร็วแล้ว เรื่องของสีสรรก็เป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่ทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นรถที่หลายคนชอบ เพราะมีสีสรรและแฮนด์ให้เลือกใช้หลายแบบ ข้อจำกัดของยี่ห้อนี้คือเรื่องอุปกรณ์ต่างๆค่อนข้างเฉพาะทาง ราคาสูงมาก อุปกรณ์ตบแต่งก็แพงเช่นกัน จำนวนเกียร์มีไม่มากแต่ก็พอจะมันส์ไปได้ทุกที่ ล้อมีขนาด 16 นิ้ว แต่ก็ขี่สนุกไม่แพ้คันใหญ่
  • Bike Friday จักรยานวันศุกร์ เป็นรถพับเกรดพรีเมี่ยมอีกยี่ห้อที่ตลาดบนในบ้านเราให้ความสนใจ ตัวรถผลิตในอเมริกา ด้วยการผลิตแบบไม่รีบร้อนออกมาจำนวนไม่มากจุดเด่นยี่ห้อนี้นอกจากตัวรถที่ดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยี่ห้อนี้ยังมีบริการสั่งตัดรถตามขนาดตัวผู้ขี่อีกด้วย จัดว่าเป็นรถพับที่เรามักจะเห็นไม่มากนักบนท้องถนนบ้านเราส่วนเรื่องราคาก็จัดว่าสูงพอสมควร ตามคุณภาพมาตรฐานการผลิตในแถบอเมริกา 
  • Alex Moulton จริงๆยี่ห้อนี้ไม่อยากจัดอยู่ในกลุ่มรถพับเลยครับ น่าจะเรียกว่ารถถอดเสียมากกว่าเพราะมันพับไม่ได้แต่ถอดแยกเป็นสองส่วนแทน ยี่ห้อนี้เป็นตำนานของรถพับเลยก็ว่าได้โดย Dr. Alex Moulton ผู้คิดค้นระบบช่วงล่างรถยนต์ Mini เป็นจักรยานที่มีตำนานและมีเรื่องราวมากว่า 50 ปี และทุกวันนี้ยี่ห้อนี้ยังคงผลิตในประเทศอังกฤษ โดยราคาค่าตัวเรียกได้ว่าระดับ ซุปเปอร์พรีเมี่ยม มีราคาเริ่มต้นหลักแสนบาท จนไปเฉียดล้านบ้าน แม้ว่าราคาจะสูงแต่ในบ้านเราก็มีรถยี่ห้อนี้จำนวนไม่น้อย ตัวเฟรมเป็นเอกลักษณ์คล้าย หอไอเฟิล ในปารีสเป็นโครงถักที่เรียกว่า สเปรซเฟรม หากถามผมว่ารถรุ่นนี้ขี่ดีไหม ตอบแบบไม่ลังเลว่าขี่ดีมากๆๆๆ มีระบบกันสะเทือนหน้าหลังครบ เป็นจักรยานล้อเล็กที่ทำความเร็วได้ไม่แพ้เสือหมอบ จนเคยเป็นตำนานจักรยานที่เร็วที่สุดในโลก ฉีกตำราข้อจำกัดขนาดวงล้อที่เล็กแต่ทำความเร็วได้แซงรถใหญ่ คุณภาพวัตถุดิบในการผลิตสุดยอด ขนาดผมมีรถ F Frame อายุ 50 ปีรุ่นแรกจับมาปัดฝุ่นทำใหม่ เหล็กตัวถังผ่านไป 50 ปีไม่มีรอยผุกัดกร่อนเลยสุดยอดครับ
  • Airnimal รถพับจากเมืองผู้ดี เกาะอังกฤษ เป็นรถพับที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เป็นที่นิยมมากในแถบยุโรป เนื่องด้วยการออกแบบที่เป็นแนวสไตล์อังกฤษ มีสมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มนวล และเกาะถนนมากที่สุดในบรรดารถพับทั้งหมด เป็นรถพับที่ให้อารมณ์แบบเดียวกับเสือหมอบ หรือเสือภูเขาขนาดมาตราฐาน แต่มีตัวรถในขนาดที่ยังพกพาสะดวก Airnimal สามารถทำความเร็วได้ดี และขี่ได้นานไม่เมื่อยด้วยองศาท่อนั่งที่คำนวนให้ปั่นได้สบาย และทำความเร็วได้ดี Airnimal สามารถเลือกประกอบได้หลากหลายแบบตามใจเจ้าของ โดยสามารถเลือกประกอบให้เป็นลักษณะรถ City Bike แฮนด์ตรง หรือจะประกอบในรูปแบบ Road bike สไตล์เสือหมอบที่ทำความเร็วได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวรถสามารถเลือกใช้ล้อได้หลากหลายขนาดตั้งแต่ 20 นิ้ว จนถึงขนาด 26 นิ้ว ส่วน กรุ๊ปขับเคลื่อน สามารถเลือกใช้ได้ทั้ง กรุ๊ปแบบเสือภูเขา หรือ เสือหมอบ ที่เป็น กรุ๊ปมาตรฐานแบบเดียวกับรถทั่วไป 

จักรยานที่ดีที่สุดคงไม่ใช่จักรยานที่แพงที่สุด แต่เป็นจักรยานที่เราขี่สบายที่สุดต่างหาก เหมาะสมตามงบประมาณ และการใช้งาน

เครดิต:

  • https://www.facebook.com/gadgetbikethailand

No comments:

Post a Comment